บทความที่ 12: รากฐานของโปรแกรม MRP
Mind Retreat Program: MRP
(โปรแกรมการพาจิตมาอยู่กับปัจจุบันขณะ
หรือ โปรแกรมการพาจิตกลับบ้าน)
โปรแกรมการเจริญสติ Mind Retreat Program: MRP (โปรแกรมการพาจิตมาอยู่กับปัจจุบันขณะ หรือ โปรแกรมการพาจิตกลับบ้าน) มีการเรียนรู้ด้วยกันทั้งหมด 4 ระดับ ได้แก่ระดับทดลอง (Trial), ระดับจำเป็น (Essential), ระดับมาตรฐาน (Standard), และระดับปรมาจารย์ (Master) โดยผู้เรียนจะได้รับการฝึกฝนและพัฒนาการเจริญสติให้เป็นไปตามลำดับขั้นอย่างมีหลักการด้วยวิธีการเรียนรู้พร้อมกับการลงมือทำ (Learning by Doing and Teaching) อันจะส่งผลให้ผู้เรียนได้เข้าใจและเข้าถึงหลักการเจริญสติที่ถูกต้องตามครรลองคลองธรรมด้วยการเจริญตามรอยธรรมของพระพุทธเจ้าในคัมภีร์สติปัฏฐานสี่ และยิ่งไปกว่านั้น โปรแกรม MRP ยังได้รับการพัฒนาโปรแกรมอย่างต่อเนื่องด้วยการวิเคราะห์วิจัยในเชิงลึกได้หลากหลายมิติด้านการเจริญสติ ซึ่งเป็นเรื่องของเหตุและผลที่อธิบายได้ด้วยหลักการทางด้านสุขภาพจิต (Mental Health), วิทยาศาสตร์ทางจิต (Mental Science), และ อภิปรัชญา (Metaphysics) ที่เพื่อนมนุษย์สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นสากล
ที่มาของโปรแกรม
พระอาจารย์ธนดิตถ์ ธัมมนันโท หรือ Master.T เป็นพระภิกษุที่ศึกษาและปฏิบัติธรรมด้วยจิตอันมีฉันทะในพระนิพพานอย่างแรงกล้า ภายหลังการปฏิบัติอย่างทุ่มเทเพื่อให้เข้าใจถึงแก่นแห่งหลักคำสอนในคัมภีร์มหาสติปัฏฐานสูตร Master.T จึงใช้เวลานานถึง 10 ปี (นับตั้งแต่ปี 2551) ในการค้นคว้าถอดรหัสธรรมและออกแบบหลักสูตรการเจริญสติตามแนวทางสติปัฏฐานสี่ของพระพุทธเจ้า คือ โปรแกรมการเจริญสติ Mind Retreat Program: MRP (โปรแกรมการพาจิตมาอยู่กับปัจจุบันขณะ หรือ โปรแกรมการพาจิตกลับบ้าน) เพื่อใช้สำหรับการเรียนรู้และฝึกอบรมแก่ผู้ที่สนใจในการเจริญสติ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสร้างสมดุลในการใช้ชีวิตและเข้าถึงความสุขที่แท้จริง หรือ การเป็นผู้รู้แจ้ง
เป้าหมายสูงสุดของ Master.T คือ การช่วยเหลือและสนับสนุนผู้คนให้บรรลุความสุขที่แท้จริง หรือ การเป็นผู้รู้แจ้งให้มากที่สุด
หากผู้เรียนได้เรียนรู้แนวทางการปฏิบัติที่เป็นเหตุเป็นผล ด้วยการฝึกฝนอบรมตนให้เป็นผู้มีสติ จนกระทั่งสามารถอยู่กับปัจจุบันได้อย่างต่อเนื่อง แล้วปล่อยวางความถือมั่นสิ่งต่างๆที่ตนเคยยึดติดได้เรื่อยๆ จนหมดสิ้นไปได้ในที่สุด ด้วยการเดินทางบนเส้นทางสายเอก คือ สติปัฏฐานสี่ ผ่านโปรแกรมการเจริญสติ Mind Retreat Program: MRP (โปรแกรมการพาจิตมาอยู่กับปัจจุบันขณะ หรือ โปรแกรมการพาจิตกลับบ้าน) อย่างขยันหมั่นเพียร และมีระเบียบวินัยในตนเอง ก็จะสามารถค้นพบคำตอบในคำถามที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของความเป็นคน ที่ตนตั้งไว้ได้ด้วยตนเอง เช่น ตนนั้นเป็นใคร สิ่งใดที่ไม่ใช่ตน สิ่งใดที่ไม่ใช่ของตน สิ่งจำเป็นใดที่ตนควรศึกษาเรียนรู้ และตนจะต้องเข้าถึงสิ่งต่างๆเหล่านั้นได้อย่างไร
คำถามหนึ่งที่น่าสนใจ ก็คือ
โปรแกรมการเจริญสติ Mind Retreat Program: MRP (โปรแกรมการพาจิตมาอยู่กับปัจจุบันขณะ หรือ โปรแกรมการพาจิตกลับบ้าน) มีที่มาอย่างไร มีรากฐานมาจากไหน แล้วทำไมต้องไปเชื่อมโยงกับ สติปัฏฐานสี่?
คำตอบ คือ โปรแกรมการเจริญสติ Mind Retreat Program: MRP (โปรแกรมการพาจิตมาอยู่กับปัจจุบันขณะ หรือ โปรแกรมการพาจิตกลับบ้าน) ได้มาจากการถอดรหัสธรรม เดินตามพระพุทธองค์ ผ่านปรัชญาอันลึกซึ้งที่ว่า
“พาจิตกลับมาที่ฐาน
เจริญวิปัสสนาญาณด้วยสติ
เมื่อจิตรวมเป็นสมาธิ
ให้เป็นผู้ดูรู้ธรรมดา”
สติปัฏฐานสี่ เป็นองค์ความรู้ของบรมครู คือ พระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นภูมิปัญญาอันประเสริฐที่มีอายุยาวนานกว่าสองพันหกร้อยปี และมีการเก็บบันทึกไว้ในคัมภีร์พุทธศาสนา หรือ พระไตรปิฎก ไว้ให้มหาชนได้ศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองทั้ง ภาคทฤษฎี ภาคปฏิบัติ และภาคผลลัพธ์
สติปัฏฐานสี่ มีเนื้อหาสาระที่เป็นเหตุเป็นผลในตนเอง เป็นคำสอนทางการปฏิบัติ ซึ่ง เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของการใช้ชีวิตในความเป็นมนุษย์ นั่นคือ กายและจิต ที่ทุกคนสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาตนเอง ให้เป็นจิตวิญญาณผู้มาครองกายมนุษย์ ที่มีสติตื่นรู้ เป็นจิตผู้ดูผู้มีอุเบกขา และเป็นผู้ไม่ประมาท สามารถประคองตนเองให้อยู่กับปัจจุบันได้สำเร็จ ทุกที่ทุกเวลา
สติปัฏฐานสี่ หมายถึง ธรรมชาติอันเป็นที่ตั้งของจิตในการเจริญสติของจิต ประกอบไปด้วย กาย (บ้านของจิต), เวทนา (สภาวะความรู้สึกของจิต), จิต (สภาวะอารมณ์ของจิต), และธรรม (ภูมิปัญญาของจิต)
กาย เวทนา จิต และธรรม นั้นหากดูผิวเผิน อาจจะดูเหมือนว่าเข้าใจง่าย แต่ถ้าใครได้มีประสบการณ์ในการศึกษาจริงๆ จะพบว่าไม่ง่าย และอาจมีข้อสงสัยมากมายในขณะที่ศึกษาเรียนรู้อยู่นั้น โดยเฉพาะวิธีที่เรียนรู้แบบใช้การวิเคราะห์ การคิดจินตนาการ การพิจารณา โดยอาศัยหน่วยความจำของสมอง เน้นการศึกษาวิชาการมาก แต่ปฏิบัติน้อยหรือไม่ลงมือปฏิบัติเลย หรือแม้แต่นักปฏิบัติธรรมที่เน้นการปฏิบัติ แต่ปฏิเสธวิชาการ หรือ ให้ความสนใจในวิชาการน้อย ก็ไม่สามารถสร้างสมดุลความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องตามครรลองคลองธรรมแห่งสติปัฏฐานสี่ได้
วิธีการที่ถูกต้องในการเรียนรู้สติปัฏฐานสี่ ให้เข้าถึงความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม มีวิธีเดียวเท่านั้น นั่นคือ การลงมือทำตามภาคปฏิบัติ แล้วมาตรวจสอบประเมินตนตามภาคผลลัพธ์ ว่าตรงตามภาคทฤษฎี ในคัมภีร์สติปัฏฐานสี่หรือไม่!!!
คัมภีร์สติปัฏฐานสี่ ในพระไตรปิฎกนี้ ได้ผ่านการทดสอบมายาวนานถึง 2,600 กว่าปี และยังคงสืบต่อเนื้อหาสาระ และหลักการที่ถูกต้องให้มหาชนได้พิสูจน์ด้วยตนเองจาก รุ่นสู่รุ่น จนถึงปัจจุบัน
ซึ่งหากจะเปรียบคัมภีร์นี้ก็เปรียบเสมือนดั่ง ทองคำแท้ แม้จะฝังตัวอยู่ในก้อนหิน ทองแท้นั้นก็จะถูกนำมากระเทาะ แล้วนำมาหลอม จนกระทั่งนำมาแปรรูปเป็นทองรูปภัณฑ์ ซึ่งยังคงความเป็นทองแท้และทรงคุณค่า อยู่อย่างนั้นตราบนานเท่านาน
ถึงแม้นว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าที่อยู่ใน สติปัฏฐานสี่ ทั้งหมดนั้นได้ถูกพิสูจน์และทนทดสอบว่า เป็นของแท้มาอย่างยาวนานกว่า 2,600 ปี
แต่เราซึ่งเป็นชนรุ่นหลัง จะเริ่มต้นศึกษาเรียนรู้อย่างไรให้เข้าใจและเข้าถึงได้?
โปรแกรมการเจริญสติ Mind Retreat Program: MRP (โปรแกรมการพาจิตมาอยู่กับปัจจุบันขณะ หรือ โปรแกรมการพาจิตกลับบ้าน) จึงถือกำเนิดขึ้นมาด้วยการเริ่มต้นการเรียนรู้เพื่อเปิดประตูสู่ สติปัฏฐานธรรม ของพระพุทธเจ้า ด้วย อานาปานสติ หรือ การฝึกฝนเจริญสติด้วยการสังเกต “ลมหายใจของกาย” อันเป็นชุดความรู้แรกในหมวดของ กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ในคัมภีร์สติปัฏฐานสี่ แล้วเชื่อมโยงความรู้เข้าไปในชุดความรู้ต่างๆในคัมภีร์นี้ไปตามลำดับ ได้แก่
กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน
เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน
จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน
และ ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
จนกระทั่งผู้เรียนสามารถพาตนเองเข้าถึง “ความเป็นจิตผู้ดูผู้มีอุเบกขา” อันเป็นชุดความรู้ที่สี่ในหมวดของ ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ สัมโพชฌงค์เจ็ด
ซึ่งเมื่อผู้เรียนได้ฝึกฝนอบรมตนในการเจริญสติมาถึง “ความเป็นจิตผู้ดูผู้มีอุเบกขา” นี้ได้ ก็จะสามารถยกระดับจิตขึ้นสู่ความเป็นผู้รู้แจ้ง ในชุดความรู้สุดท้ายในหมวดของ
ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน นั่นคือ อริยสัจสี่ หรือ “ความจริงอันประเสริฐสี่ประการ” อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของการเจริญสติตามแนวทางของ คัมภีร์สติปัฏฐานสี่
ผู้ใดที่เข้าใจภูมิปัญญาแห่งสติที่ซ่อนอยู่ใน สติปัฏฐานสี่ ด้วยการเรียนรู้พร้อมกับลงมือทำ (Learning by Doing) ผู้นั้นย่อมเข้าถึง “การเดินบนทางสายเอก”
ผู้ใดที่พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็น จิตผู้ดูผู้มีอุเบกขา ผู้นั้นได้ชื่อว่า พาตนดำเนินมาจน “สุดทางสายเอก”
ผู้ใดที่สามารถเดินบนทางสายเอกจนสุดทาง แล้วบังเกิดความเห็นแจ้งและเข้าใจใน ความจริงอันประเสริฐสี่ประการ ผู้นั้นย่อมก้าวเข้าสู่ “การเดินบนทางสายกลาง”
และ ผู้ใดที่สามารถพัฒนาตนเอง จนประสบกับความสำเร็จในการเดินบนทางสายกลางนี้ได้ ผู้นั้นย่อมบรรลุ คุณภาพจิตในระดับสูงสุด นั่นคือ อรหัตตผล จึงได้ชื่อว่าพาตนมาจน “สุดทางสายกลาง”
ดังนั้นผู้เรียน
จะต้องพากเพียร เรียนรู้ และฝึกฝนอบรมตน
ด้วยการพาตนดำเนินไป
ให้สุดทางทั้งสองสาย
นั่นคือ
ทางสายเอก (สติปัฏฐานสี่)
และทางสายกลาง (มรรคแปด)
การเรียนรู้ หรือ การศึกษา สิ่งใดก็ตาม การเริ่มต้น มีความสำคัญที่สุด เพราะ การเริ่มต้นที่ถูกต้องจะทำให้เกิดความรู้จริงและรู้แจ้ง อย่างค่อยเป็นค่อยไป เป็นขั้นเป็นตอน เป็นเหตุเป็นผล จนกระทั่งรู้จนจบ ครบทั้งหมด โดยเฉพาะความรู้ในสิ่งที่จำเป็น และมีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตในโลกแห่งความเป็นจริง
การเรียนรู้พร้อมกับลงมือทำ หรือ Learning by Doing ในโปรแกรมการเจริญสติ Mind Retreat Program: MRP (โปรแกรมการพาจิตมาอยู่กับปัจจุบันขณะ หรือ โปรแกรมการพาจิตกลับบ้าน) เพื่อพาตนเองเข้าไปรู้แจ้ง คัมภีร์สติปัฏฐานสี่ ถือเป็นการเริ่มต้นที่ถูกต้องชอบธรรมต่อผู้เรียน ทุกคน
โปรแกรมการเจริญสติ Mind Retreat Program: MRP (โปรแกรมการพาจิตมาอยู่กับปัจจุบันขณะ หรือ โปรแกรมการพาจิตกลับบ้าน) ใช้รหัสแห่งสติ สามรหัส ได้แก่ B O และ PP เป็นกลยุทธ์ในการเริ่มต้นเรียนรู้เพื่อเปิดประตูสู่ภูมิปัญญารู้แจ้งของพระพุทธเจ้า ในคัมภีร์สติปัฏฐานสี่ โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
รหัส B ย่อมาจากคำว่า Breath หรือ ลมหายใจ ซึ่งหมายถึง การฝึกฝนเจริญสติด้วยการสังเกตลมหายใจของกาย อันเป็นรหัสแห่งสติที่ถอดมาจากชุดความรู้แรกในหมวดของ กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ในคัมภีร์สติปัฏฐานสี่ คือ อานาปานสติ
รหัส O ย่อมาจากคำว่า Observer base หรือ ฐานจิตผู้ดู ซึ่งหมายถึง การฝึกฝนเจริญสติเพื่อยกระดับจิตให้มาเป็น จิตผู้ดูผู้มีอุเบกขา ณ ฐานจิตผู้ดูนี้ อันเป็นรหัสแห่งสติที่ถอดมาจากชุดความรู้ที่สี่ในหมวดของ ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ สัมโพชฌงค์เจ็ด
รหัส PP ย่อมาจากคำว่า Problem Point หรือ จุดที่มีปัญหา ซึ่งหมายถึง การฝึกฝนเจริญสติเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งใน “ไตรลักษณ์” (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) หรือ ธรรมชาติสามประการ (ความไม่คงอยู่ถาวร ความไม่สมบูรณ์ และบังคับไม่ได้) ของจุดที่มีปัญหาต่างๆ เหล่านั้น
ซึ่งจุดที่มีปัญหา หรือ รหัส PP นี้ เป็นรหัสแห่งสติที่ถอดมาจากชุดความรู้ที่เหลือทั้งหมดของคัมภีร์สติปัฏฐานสี่ อันได้แก่ กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน และ ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ยกเว้น “อานาปานสติ” และ “สัมโพชฌงค์เจ็ด”
ที่ถูกยกให้เป็น รหัส B และ รหัส O ไปแล้วนั้น
การเรียนรู้รหัสแห่งสติทั้งสามรหัส คือ B O และ PP เป็นการเชื่อมโยงความรู้เข้าไปในชุดความรู้ต่างๆในคัมภีร์สติปัฏฐานสี่ ไปตามลำดับ ได้แก่
กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ในโปรแกรมการเจริญสติ Mind Retreat Program: MRP (โปรแกรมการพาจิตมาอยู่กับปัจจุบันขณะ หรือ โปรแกรมการพาจิตกลับบ้าน) หมายถึง
บ้านของจิต
เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ในโปรแกรมการเจริญสติ Mind Retreat Program: MRP (โปรแกรมการพาจิตมาอยู่กับปัจจุบันขณะ หรือ โปรแกรมการพาจิตกลับบ้าน) หมายถึง
สภาวะความรู้สึกของจิต
จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ในโปรแกรมการเจริญสติ Mind Retreat Program: MRP (โปรแกรมการพาจิตมาอยู่กับปัจจุบันขณะ หรือ โปรแกรมการพาจิตกลับบ้าน) หมายถึง
สภาวะอารมณ์ของจิต
ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ในโปรแกรมการเจริญสติ Mind Retreat Program: MRP (โปรแกรมการพาจิตมาอยู่กับปัจจุบันขณะ หรือ โปรแกรมการพาจิตกลับบ้าน) หมายถึง
ภูมิปัญญาของจิต
โปรแกรมการเจริญสติ Mind Retreat Program: MRP (โปรแกรมการพาจิตมาอยู่กับปัจจุบันขณะ หรือ โปรแกรมการพาจิตกลับบ้าน) เป็นโปรแกรมการเรียนรู้ด้านการเจริญสติที่เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ต่อเนื่อง โดยมีการเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติควบคู่ไปพร้อมกัน มีทั้งหมด 4 ระดับ ได้แก่
ระดับที่ 1 ระดับทดลอง (Trial level)
ระดับที่ 2 ระดับจำเป็น (Essential level)
ระดับที่ 3 ระดับมาตรฐาน (Standard level)
ระดับที่ 4 ระดับปรมาจารย์ (Master level)
โปรแกรมการเรียนรู้ ระดับที่ 1 ระดับทดลอง (Trial level)
เป็นการเรียนรู้และฝึกฝนการเจริญสติ โดยใช้รหัสแห่งสติ ได้แก่ รหัส B, รหัส O, และ รหัส PP เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ และเป็นการเปิดประตูสู่ความรู้แจ้งตามหลักการเจริญสติ ในคัมภีร์สติปัฏฐานสี่ของพระพุทธเจ้า
ซึ่งการเรียนรู้ระดับนี้ ผู้เรียนจะได้ฝึกฝนทักษะและเรียนรู้ “จุดปัจจุบันทั้งเก้า” ที่มีในรหัส B และ รหัส O ได้แก่ B1 B2 B3 B4 Door B5 B6 B7 และ O8 เพื่อสร้างสมดุลชีวิตกับ รหัส PP อันจะทำให้ผู้เรียนสามารถพาจิตมาอยู่กับปัจจุบันขณะ โดยใช้จุดปัจจุบันทั้งเก้านั้นได้อย่างถูกต้องเหมาะสมในทุกสถานการณ์
วัตถุประสงค์
1.เพื่อให้ผู้เรียนรู้จักการเจริญสติโดยใช้รหัสแห่งสติที่ถอดรหัสมาจากคัมภีร์สติปัฏฐานสี่ เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ ได้แก่ B-Code, O-Code, และ PP-Code
2.เพื่อให้ผู้เรียนรู้จักจุดปัจจุบันทั้ง 9 ในรหัส B และ O ได้แก่ B1, B2, B3, B4, Door, B5, B6, B7, และ O8
3.เพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้จุดปัจจุบันทั้ง 9 มาประกอบการดำรงชีวิตได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
คุณสมบัติของผู้เรียน :
ทุกเพศ ทุกวัย
ระยะเวลาในการเรียน :
รวมทั้งหมด 12 ชั่วโมง
โดยมีการเรียนการสอนแบบ Onsite รวม 9 คาบๆ ละ 2 ชั่วโมง แบ่งเป็น 4 บังลังก์ๆ ละ 20 นาที / พัก 10 นาที หรือ เรียนรู้ในช่องทาง Online ผ่านระบบ Zoom วันละ 1 ชั่วโมง เป็นเวลา 12 วัน
รูปแบบการเรียน :
เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและฝึกปฏิบัติ ผ่านช่องทาง Online และ Onsite
สิ่งที่ได้รับเมื่อผ่านการอบรม :
เกียรติบัตรผ่านการอบรมการฝึกเจริญสติระดับที่ 1 ระดับทดลอง (Trial level)
หนังสือรหัสแห่งสติ เล่มที่ 1 เพื่อใช้ทบทวนการเรียนรู้
ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมได้ในเว็บไซด์ www.themaster.io
ประโยชน์ที่จะได้รับ
ผู้เรียนมีความรู้และความเข้าใจลักษณะของจุดปัจจุบันทั้ง 9 ได้อย่างถูกต้อง
ผู้เรียนมีความเข้มแข็งในการเจริญสติโดยใช้จุดปัจจุบันทั้ง 9
ผู้เรียนสามารถเลือกหรือประยุกต์ใช้จุดปัจจุบันได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์ของตนเอง
ผู้เรียนมีความพึงพอใจในโปรแกรม MRP ระดับที่ 1 และมีความตั้งใจที่จะเรียนต่อในระดับที่ 2
โปรแกรมการเรียนรู้ ระดับที่ 2 ระดับจำเป็น (Essential level)
การเรียนรู้ในระดับที่สองนี้ ผู้เรียนจะได้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องจากการเรียนรู้ในระดับที่หนึ่ง ด้วยการทำความรู้จักและเข้าใจทักษะและความสามารถของตนเองเพิ่มขึ้นในการพาตนเองกลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะ ผ่านการเรียนรู้
“เทคนิคการใช้รหัสแห่งสติ จำนวน 13 เทคนิค”
ซึ่ง 13 เทคนิคนี้ ประกอบไปด้วย
การออกกำลังจิต,
การสัมผัสรับรู้ B ที่โดดเด่น,
การตื่นรู้อยู่กับ B อันเป็นที่รัก,
การอธิษฐานจิต,
การตั้งสัจจะอธิษฐาน,
การแผ่กระแสบุญ,
การทำMOU (ข้อตกลงความร่วมมือกับเจ้ากรรมนายเวร),
การเพิ่มพลังจิตที่ O8,
การเพิ่มความเร็วของจิต,
การทำสัมมาสมาธิเบื้องต้น,
การสื่อสารกับจิตจักรวาล,
การสลายพลังงานขยะ, และ
การผสมสูตรรหัสแห่งสติ
ซึ่งผู้เรียนสามารถเลือกใช้เทคนิคต่างๆ ทั้ง 13 เทคนิค ในการสร้างสมดุลชีวิตท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงได้อย่างผู้มีสติ
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ผู้เรียนรู้จักเทคนิคการใช้รหัสแห่งสติเพื่อพัฒนาทักษะในการดำรงชีวิต ทั้ง 13 เทคนิค
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเลือกใช้เทคนิคต่างๆ ทั้ง 13 เทคนิค ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์ของตนเอง เพื่อสร้างสมดุลในการใช้ชีวิต
คุณสมบัติของผู้เรียน :
ผ่านการอบรมการเรียนรู้การเจริญสติในระดับที่ 1 ระดับทดลอง
ระยะเวลาในการเรียน :
รวมทั้งหมด 60 ชั่วโมง หรือ 8 วัน โดยมีการเรียนการสอนรวม 30 คาบๆละ 2 ชั่วโมง แบ่งเป็น 4 บังลังก์ๆละ 20 นาที / พัก 10 นาที หรือ เรียนรู้ในช่องทาง Online ผ่านระบบ Zoom วันละ 1 ชั่วโมง เป็นเวลา 60 วัน
รูปแบบการเรียน :
เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและฝึกปฏิบัติ ผ่านช่องทาง Online และ Onsite
สิ่งที่ได้รับเมื่อผ่านการอบรม :
1. เกียรติบัตรผ่านการอบรมการฝึกเจริญสติระดับที่ 2 ระดับจำเป็น (Essential level)
2. หนังสือรหัสแห่งสติ เล่มที่ 2 เพื่อใช้ทบทวนการเรียนรู้
3. ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมได้ในเว็บไซด์ www.themaster.io
ประโยชน์ที่จะได้รับ :
ผู้เรียนรู้จักเทคนิคการใช้รหัสแห่งสติเพื่อพัฒนาทักษะในการดำรงชีวิต ทั้ง 13 เทคนิค
ผู้เรียนสามารถเลือกใช้เทคนิคต่างๆ ทั้ง 13 เทคนิคได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์ของตนเอง
ผู้เรียนมีความเข้มแข็งของจิต สามารถพาจิตมาอยู่กับปัจจุบันขณะ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและสร้างสมดุลในการใช้ชีวิตอย่างผู้มีสติ
ผู้เรียนมีความพึงพอใจในโปรแกรม MRP ระดับที่ 2 และมีความตั้งใจที่จะเรียนต่อในระดับที่ 3
โปรแกรมการเรียนรู้ ระดับที่ 3 ระดับมาตรฐาน (Standard level)
การเรียนรู้ในระดับที่สามนี้ ผู้เรียนจะสามารถยกระดับความรู้ความเข้าใจของตนเองให้เข้าใจและเข้าถึงภูมิปัญญารู้แจ้งของพระพุทธเจ้าในคัมภีร์สติปัฏฐานสี่ ด้วยกระบวนการเรียนรู้ที่ชื่อว่า “ศิลปะการยกระดับจิตสู่มาตรฐานสติปัฏฐานสี่” (กาย/บ้านของจิต, เวทนา/สภาวะความรู้สึกของจิต, จิต/สภาวะอารมณ์ของจิต, และธรรม/ภูมิปัญญาของจิต) โดยใช้ทักษะ การหมุนกงล้อแห่งการตื่นรู้ (ยืน เดิน นั่ง นอน) เป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียนรู้
วัตถุประสงค์ :
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้และฝึกฝนทักษะการมีสติตื่นรู้อย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์การหมุนกงล้อแห่งการตื่นรู้ได้ครบทุกสูตร
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ ศิลปะการยกระดับจิตสู่มาตรฐานสติปัฏฐานสี่ (กาย/บ้านของจิต, เวทนา/สภาวะความรู้สึกของจิต, จิต/สภาวะอารมณ์ของจิต, และธรรม/ภูมิปัญญาของจิต)
คุณสมบัติของผู้เรียน :
ผ่านการอบรมการเรียนรู้การเจริญสติในระดับที่ 1 ระดับทดลอง และระดับที่ 2 ระดับจำเป็น
ระยะเวลาในการเรียน :
รวมทั้งหมด 720 ชั่วโมง
รูปแบบการเรียน :
โปรแกรมการเรียนรู้ ระดับที่ 3 ระดับมาตรฐาน (Standard level) นี้มีระยะเวลาในการเรียนรวมทั้งหมด 720 ชั่วโมง โดยมีการเรียนรู้ผ่านช่องทาง Online ภาคทฤษฎี 18 ครั้งๆ ละ 1 ชั่วโมง และทำการบ้านด้วยการฝึกฝนปฏิบัติด้วยตนเอง โดยเก็บชั่วโมงต่อวันได้ 8 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 88 วัน เพื่อนับชั่วโมงการปฏิบัติจนครบ 720 ชั่วโมง หรือ เลือกการเรียนรู้ผ่านช่องทาง Onsite จำนวน 3 ครั้งๆละ 4 วันๆละ 2 คาบๆละ 2 ชั่วโมง (เดือนละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 3 เดือน) และสำเร็จโปรแกรมด้วยการเข้าแคมป์เป็นเวลา 10 วัน
หมายเหตุ :
1. กรณีมาพักในค่ายฝึกเจริญสติเพื่อเก็บชั่วโมงการปฏิบัติ สามารถเก็บชั่วโมงได้ 16 ชั่วโมงต่อวัน
2. การจบโปรแกรมระดับมาตรฐาน ผู้เรียนจะต้องมาเข้าแคมป์เป็นเวลา 10 วัน โดยมีการฝึกฝนเรียนรู้ จำนวน 40 คาบๆ ละ 2 ชั่วโมง
สิ่งที่ได้รับเมื่อผ่านการอบรม :
1. เกียรติบัตรผ่านการอบรมการฝึกเจริญสติระดับที่ 3 ระดับมาตรฐาน (Standard level)
2. หนังสือ ศิลปะการยกระดับจิตสู่มาตรฐานสติปัฏฐานสี่ เพื่อใช้ทบทวนการเรียนรู้
3. ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมได้ในเว็บไซด์ www.themaster.io
ประโยชน์ที่จะได้รับ
ผู้เรียนมีความรู้และความเข้าใจใน ศิลปะการยกระดับจิตสู่มาตรฐานสติปัฏฐานสี่ และทักษะการหมุนกงล้อแห่งการตื่นรู้ได้อย่างถูกต้อง
ผู้เรียนสามารถใช้ความรู้ที่ได้รับในการฝึกฝนอบรมตนเองให้เป็นผู้มีสติในการสร้างสมดุลชีวิต หรือ เพื่อให้ตนพ้นจากทุกข์
ผู้เรียนมีความพึงพอใจในโปรแกรม MRP ระดับที่ 3 และมีความตั้งใจที่จะเรียนต่อในระดับที่ 4
โปรแกรมการเรียนรู้ ระดับที่ 4 ระดับปรมาจารย์ (Master level)
การเรียนรู้ในระดับที่สี่นี้ ผู้เรียนสามารถเรียนรู้และฝึกฝนอบรมตนจนกระทั่งมีความเข้าใจชัดเจนในการเจริญสติตามแนวทาง สติปัฏฐานสี่ ของพระพุทธเจ้า และสามารถประเมินผลพฤติกรรมของตน (ปรมาจารย์แห่งสติ) ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบ Learning by Doing และ Learning by Teaching ในหมวดของสามัคคีธรรม อันประเสริฐ หรือ โพธิปักขิยธรรม 37 ประการ
ซึ่งสามัคคีธรรมอันประเสริฐ หรือ โพธิปักขิยธรรม 37 ประการ นี้ได้นำมาใช้เป็นเครื่องมือชี้วัด ความก้าวหน้าพฤติกรรมจิตของปรมาจารย์แห่งสติในระดับที่สี่ ของโปรแกรม MRP อันเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า
“ผู้ใดที่เป็นปรมาจารย์แห่งสติ
แล้วผ่านการประเมินผลพฤติกรรมของตนด้วยหมวดธรรมนี้ได้แล้ว
ย่อมสามารถพาตนให้ดำเนินไปสู่มรรคผลนิพพานได้ในที่สุด”
วัตถุประสงค์ :
1.เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ สามัคคีธรรมอันประเสริฐ หรือ โพธิปักขิยธรรม 37 ประการ
2.เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้และฝึกฝน เพื่อประเมินผลพฤติกรรมของตนเองผู้เป็นปรมาจารย์แห่งสติ ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบ Learning by Doing และ Learning by Teaching
คุณสมบัติของผู้เรียน :
ผ่านการอบรมการเรียนรู้การเจริญสติในระดับที่ 1 ถึง ระดับที่ 3
ระยะเวลาในการเรียน :
โปรแกรมการเรียนรู้ ระดับที่ 4 ระดับปรมาจารย์ (Master level) นี้มีระยะเวลาในการเรียนรวมทั้งหมด 1,684 ขั่วโมง โดยการเข้าแคมป์ หรือ เรียนทางไกลเป็นเวลา 108 วัน
(ช่วงเข้าพรรษาประจำปี)
รูปแบบการเรียน :
เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เพื่อประเมินผลพฤติกรรมของปรมาจารย์แห่งสติ ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบ Learning by Doing และ Learning by Teaching โดยมีการเรียนรู้ผ่านช่องทาง Onsite ณ ศูนย์การเรียนรู้สติ (ค่ายฝึกเจริญสติปิยโปฎก) และ วิธีการเรียนทางไกล ในช่วงเวลาเดียวกัน
สิ่งที่ได้รับเมื่อผ่านการอบรม :
1. เกียรติบัตรผ่านการอบรมการฝึกเจริญสติระดับที่ 4 ระดับปรมาจารย์ (Master level)
2. คัมภีร์มหาสติปัฏฐานสูตร เพื่อใช้ทบทวนการเรียนรู้
3. ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมได้ในเว็บไซด์ www.themaster.io
4. ได้รับอนุญาตให้เป็นครูผู้สอนโปรแกรม MRP และนำไปประกอบเป็นสัมมาชีพได้
ประโยชน์ที่จะได้รับ:
ผู้เรียนมีความรู้และความเข้าใจใน สามัคคีธรรมอันประเสริฐ หรือ โพธิปักขิยธรรม 37 ประการ
ผู้เรียนมีความรู้และความเข้าใจสติปัฏฐานสี่ของพระพุทธเจ้า
ผู้เรียนมีความรู้และความเข้าใจ ในอริยสัจสี่ หรือ ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ เพื่อเข้าสู่ทางสายกลาง
ผู้เรียนสามารถใช้ความรู้ที่ได้รับในการฝึกฝนอบรมตนเองให้เป็นผู้มีสติในการสร้างสมดุลชีวิต หรือ เพื่อให้ตนพ้นจากทุกข์ หรือ การพัฒนายกระดับจิตสู่อริยชน
ผู้เรียนที่ผ่านการอบรมแล้วสามารถเป็นครูผู้สอนโปรแกรมการเจริญสติฯ
การเรียนรู้
โปรแกรมการเจริญสติ
Mind Retreat Program: MRP
(โปรแกรมการพาจิตมาอยู่กับปัจจุบันขณะ หรือ โปรแกรมการพาจิตกลับบ้าน)
ทั้งสี่ระดับ
เป็นการเรียนรู้ที่ช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้เรียน
เกิดความเข้าใจและสามารถเข้าถึง
คัมภีร์สติปัฏฐานสี่ ของพระพุทธเจ้า
ด้วยวิธีการ
“ถอดรหัสธรรม เดินตามพุทธองค์”
สรุปความในบทเรียนนี้โดยย่อว่า
๑.
“พาจิตกลับมาที่ฐาน
เจริญวิปัสสนาญาณด้วยสติ
เมื่อจิตรวมเป็นสมาธิ
ให้เป็นผู้ดูรู้ธรรมดา”
๒.
“ผู้ใดแจ่มแจ้งในโปรแกรม MRP ผู้นั้นย่อมเข้าถึง สติปัฏฐานสี่”
และ
๓.
“ผู้ใดบริบูรณ์แล้วในสติปัฏฐานธรรม ผู้นั้นย่อมเข้าถึง อมตะพระนิพพาน”